“1 แต้มล้ำค่า” ทีมชาติไทย โดนนำก่อนและยังเหลือ 10 คน โกงความตายกลับจาก อินโดนีเซีย ได้สำเร็จ ลุ้นแย่งแชมป์กลุ่มเอ นัดสุดท้าย
วันที่ 29 ธันวาคม 2565 ฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติอาเซียน 2022 รอบแบ่งกลุ่ม นัดที่ 3 กลุ่มเอ ณ สนามเกโลรา บุง การ์โน กรุงจาการ์ตา ประเทศอินโดนีเซีย เป็นการพบกันของคู่ชิงชนะเลิศครั้งที่แล้ว “รองแชมป์เก่า” ทีมชาติอินโดนีเซีย เจ้าถิ่นเปิดบ้านต้อนรับ “แชมป์เก่า” ทีมชาติไทย ถ่ายทอดสดทาง MCOTHD 30 และ T-Sports 7 เวลา 16.30 น.
สถานการณ์ล่าสุดในกลุ่มเอ ทีมชาติไทย และ อินโดนีเซีย ต่างก็ชนะรวดใน 2 เกมแรก มี 6 คะแนนเท่ากัน แต่ “ช้างศึก” เป็นทีมนำของกลุ่ม เนื่องจากประตูได้-เสียดีกว่า (ไทย +9 / อินโดนีเซีย +8) หากเกมนี้ใครชนะก็แทบจะการันตีเข้ารอบรองชนะเลิศ
สำหรับ อาเซียนคัพ 2020 รอบชิงชนะเลิศ เมื่อปีที่แล้ว ทีมชาติไทย ทำผลงานได้เหนือกว่าด้วยการเอาชนะ อินโดนีเซีย 4-0 ในนัดแรก ก่อนเสมอ 2-2 ในเกมที่ 2 คว้าชัยด้วยสกอร์รวม 6-2 ทำให้ “ช้างศึก” เพิ่มสถิติคว้าแชมป์สูงสุดเป็นสมัยที่ 6
เกมนี้ ทีมชาติไทย ปรับผู้เล่น 1 คน และเปลี่ยนมาใช้ระบบ 4-2-3-1 เพื่อเสริมแดนกลางให้แน่นขึ้น โดยถอด อดิศักดิ์ ไกรษร แล้วส่ง ชาญณรงค์ พรมศรีแก้ว ลงมาช่วย เอกนิษฐ์ ปัญญา กับ บดินทร์ ผาลา ในการสนับสนุน ธีรศิลป์ แดงดา กองหน้าตัวเป้า
ขณะที่ อินโดนีเซีย ใช้ผู้เล่นส่วนใหญ่จากชุดที่เคยแพ้ “ช้างศึก” ในรอบชิงชนะเลิศครั้งที่แล้ว นำโดย อัสนาวี มังกัวลัม, ปราตามา อาร์ฮาน, ฟัครุดดิน อาร์ยันโต, เอกี เมาลานา
ครึ่งแรก อินโดนีเซีย ที่ได้เปรียบเรื่องเสียงเชียร์และความคุ้นเคยกับสภาพสนาม ทำเกมบุกได้น่ากลัวกว่าอย่างชัดเจน แต่ ไทย ก็มีโอกาสลุ้นในนาทีที่ 22 จากลูกเตะมุม ธีราทร บุญมาทัน เปิดมาให้ พรรษา เหมวิบูลย์ ได้โหม่งเต็มๆ แต่หลุดเสาแรกออกไป
นาทีที่ 38 “อิเหนา” เกือบได้ประตูขึ้นนำ เมื่อ กิตติพงษ์ ภูแถวเชือก ออกมาเล่นนอกเขตโทษแล้วจ่ายบอลไปติด วิตัน ซูเลมาน แต่แนวรุกเจ้าถิ่นกลับพลาดโอกาสทอง ยิงโล่งๆ แต่บอลชนโคนเสาออกไปเอง จบครึ่งแรกยังเสมอ 0-0
ครึ่งหลัง นาทีที่ 49 ทีมชาติไทย เสียจุดโทษจากจังหวะที่ อัสนาวี มังกัวลัม ยิงไปติดแขน ธีราทร บุญมาทัน ที่พยายามเบี่ยงตัวหลบในเขตโทษ ก่อนที่ มาร์ค คล็อค จะซัดเข้าไปตรงกลางประตู อินโดนีเซีย ขึ้นนำ 1-0
นาทีที่ 63 “ช้างศึก” เหลือ 10 คน เมื่อ สรรวัชญ์ เดชมิตร ตัวสำรองที่เพิ่งลงมาแทน ชาญณรงค์ พรมศรีแก้ว ในครึ่งหลัง ไปยกเท้าสูงใส่ ซัดดิล รัมดานี ตัวสำรอง “อิเหนา” ที่เพิ่งลงมาแค่ 3 นาที เพื่อตัดเกมในจังหวะที่จะโดนโต้กลับ ทำให้ผู้ตัดสินชักใบแดงไล่ “เจ้าแคมป์” ออกจากสนามโดยตรง
นาทีที่ 79 ทีมชาติไทย ที่เหลือผู้เล่นน้อยกว่า อาศัยจังหวะแย่งบอลจาก อินโดนีเซีย มาได้ แล้วสามารถพังประตูตีเสมอ 1-1 ได้สำเร็จ จากการยิงไกลหน้าเขตโทษของ สารัช อยู่เย็น บอลแฉลบ ริคกี กัมบัวยา ตัวสำรองเจ้าถิ่น เปลี่ยนทางหนีมือ นาเดโอ อาร์กาวินาตา เข้าไป
เวลาที่เหลือ ทีมชาติไทย ต้านทานเกมรุกของ อินโดนีเซีย เอาไว้ได้ จบเกมเสมอกัน 1-1 แบ่งไปทีมละ 1 คะแนน มี 7 แต้มเท่ากันทั้งคู่ ยังต้องลุ้นเข้ารอบรองชนะเลิศ รวมถึงแย่งแชมป์กลุ่มกันต่อในนัดสุดท้าย
นัดต่อไป วันจันทร์ที่ 2 มกราคมนี้ ทีมชาติไทย จะกลับมาเล่นในบ้าน ที่สนามธรรมศาสตร์ พบกับ ทีมชาติกัมพูชา ส่วน อินโดนีเซีย จะไปเยือน ฟิลิปปินส์ แข่งขันพร้อมกันในเวลา 19.30 น. ตามเวลาประเทศไทย
รายชื่อ 11 ตัวจริงของทั้ง 2 ทีม
อินโดนีเซีย (ระบบ 4-2-3-1) : 22 นาเดโอ อาร์กาวินาตา (ผู้รักษาประตู) – 14 อัสนาวี มังกัวลัม, 19 ฟัครุดดิน อาร์ยันโต (กัปตันทีม), 4 ฆอร์ดี อามัต, 12 ปราตามา อาร์ฮาน – 23 มาร์ค คล็อค, 13 รัคมัต อีร์ยานโต – 2 ยาค็อบ ซายูรี, 10 เอกี เมาลานา, 8 วิตัน ซูเลมาน – 11 เดนดี ซูลิสตียาวัน
ทีมชาติไทย (ระบบ 4-2-3-1) : 20 กิตติพงษ์ ภูแถวเชือก (ผู้รักษาประตู) – 15 ศุภนันท์ บุรีรัตน์, 4 พรรษา เหมวิบูลย์, 12 กฤษดา กาแมน, 2 ศศลักษณ์ ไหประโคน – 6 สารัช อยู่เย็น, 3 ธีราทร บุญมาทัน (กัปตันทีม) – 22 ชาญณรงค์ พรมศรีแก้ว, 17 เอกนิษฐ์ ปัญญา, 11 บดินทร์ ผาลา – 10 ธีรศิลป์ แดงดา
Source: thairath.co.th